- ปลาเป็นสัตว์ที่ต้องหายใจโดยใช้ออกซิเจน และใช้เหงือกในการแยกออกซิเจนเข้าสู่ระบบเลือดของปลาเอง ดังนั้นการอัดอากาศลงไปภายในน้ำจึงเป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับปลานั่นเอง เราจะต้องอัดฟองอากาศแก่ตู้เลี้ยงปลาตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้เครื่องหยุดจะทำให้ปลาตายภายใน 5-6 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนและชนิดของปลา
- ดังนั้นผู้เลี้ยงปลาควรจะมีเครื่องให้อากาศสำรองไว้ด้วยเสมอ นอกจากเครื่องจะให้อากาศกับตู้ปลาแล้ว ยังทำให้ภายในตู้เลี้ยงปลามีการไหลเวียนของน้ำ ผ่านชั้นกรอง เพื่อช่วยให้ตู้เลี้ยงปลาสะอาดขึ้นด้วย
- เครื่องให้อากาศ หรือหมู่นักเลี้ยงปลา เรียกทับศัพท์ว่า " แอร์ปั้ม " ( Air Pump ) สามารถแบ่งได้เป็น 4 พวกใหญ่ๆ คือ
1. Thermal-Type เป็นเครื่องปล่อยอากาศออกมา 2-3 ครั้งต่อวินาที โดยมีระบบการทำงานเหมือนกับลักษณะของปืน
2. Vibrator-Type เป็นเครื่องใช้การสั่นสะเทือนจากพลังงานโดยกระแสไฟฟ้า เครื่องเพิ่มอากาศชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้ ราคาถูกมีประสิทธิภาพพอสมควร
3. Piston Pump เป็นเครื่องที่ใช้จักรทำการหมุนให้เกิดแรงดันอากาศขึ้น เครื่องเพิ่มอากาศชนิดนี้นับว่ามีกำลังทำงานดี เหมาะสำหรับใช้กับโรงเพาะขยายพันธุ์
4. Water Pump เป็นเครื่องที่ใช้การปั้มน้ำมา ทำให้เกิดแรงดันอากาศ เครื่องเพิ่มอากาศชนิดนี้ นับว่าเหมาะสำหรับการเลี้ยงปลาในบ่อน้ำ หรือในโรงเพาะขยายพันธุ์
- การเพิ่มออกซิเจนในตู้ปลานอกจากจะใช้แอร์ปั้มแล้ว ยังมีวิธีอื่น คือ การให้ออกซิเจนผง คือสามารถปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของปลา ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรียบางชนิดทำลายสารพิษที่เกิดจากขี้ปลา โดยเปลี่ยนทางคุณสมบัติทางเคมี และสลายคลอรีนที่มากับน้ำได้
- ข้อเสียของออกซิเจนผง คือ การที่ผู้ใช้ใส่มากเกินกว่ากำหนด จะทำให้น้ำในตู้ปลามีความเค็มสูงเป็นอันตรายต่อปลาโดยตรง
- นอกจากนี้ยังมีแหล่งที่ให้ออกซิเจนจากธรรมชาติ คือ พืชน้ำต่างๆนั่นเอง พืชเมื่อได้รับแสงสว่างในการสังเคราะห์อาหาร และใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ในการหายใจ พืชจะคายออกซิเจนมาละลายน้ำให้ปลาได้หายใจ แต่ขบวนการที่ว่านี้จะไม่เกิดถ้าไม่มีแสงสว่าง ดังนั้นผู้เลี้ยงปลายังจำเป็นต้องใช้เครื่องให้อากาศอยู่ดี
เพื่อนๆค่ะ คนชอบปลา คิดว่าเครื่องแอร์ปั้มทุกเครื่องทุกแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าผู้ใช้จะมีความเข้าใจแล้วนำไปใช้ให้ถูกหรือตรงกับลักษณะของงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด...นะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น